เพชรบูรณ์จัดยิ่งใหญ่ แถลงข่าว งาน เส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง ครั้งที่ 40 อำเภอหล่มสัก

 เพชรบูรณ์จัดยิ่งใหญ่ แถลงข่าว งาน เส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง ครั้งที่ 40 อำเภอหล่มสัก 

          เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงงานว่า นายชนก มากพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มาเป็นประธานในพิธีงานแถลงข่าวเทศาล เส็งกลอง ล่อง โคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง ครั้งที่ 40 ประจำปีพุทธศักราช 2568 พร้อมทั้งกล่าวถึง นโยบายการท่องเที่ยวภาพรวมของจังหวัดเพชรบูรณ์ การส่งเสริมและการสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการการจัดงาน และท่านผู้มีเกียรติ เข้าร่วม ณ ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์  

          โดยมี ดร.ดิเรก ถึงฝั่ง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของ พ่อขุนผาเมือง, ดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึง แนวทางการส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมของอำเภอหล่มสัก นางสาวภัคนันท์ วินิจชัย ผอ.ททท.สำนักงาน พิษณุโลก กล่าวถึงทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ และนายภาคภูมิ ภูมี นายอำเภอหล่มสัก ประธานจัดงานฯ กล่าวถึงสภาพรวมและวัตถุประสงค์การจัดงานเทศกาลเส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง ประจำปี 2568   

          นายชนก มากพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า งานเทศกาลเส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหวทุนผาเมือง ถือว่าเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ของพี่น้องประชาชนชาวหล่มสักและชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ใน 3 ประการ คือ 

      1. น้อมระลึกถึง พระเกียรติคุณ วีรกรรม ความกล้าหาญของพ่อขุนผาเมืองราด และพระสหายคือ พ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง ได้ร่วมกันขับไล่กองทัพขอม ออกจากกรุงสุโขทัย และสร้างประเทศไทยให้เป็นปีกแผ่น ตราบเท่าทุกวันนี้  

      2. แสดงออกถึงการอนุรักษ์ และการสืบสานขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม ของชาวอำเภอหล่มสักได้แก่ ประเพณีพาข้าวหย่อง การถวายพาข้าวหลวง การแต่งกายไทหล่ม ชมเส็งกลองการล่องโคมไฟการรำถวายพานมาลา"ยอหัตถาบูชาพ่อขุนผาเมือง" เป็นต้น 

      3. แสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน ความสมัครสมาน และความสามัคคี ของพี่น้องชาวอำเภอหล่มสัก และชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมวางแผน ร่วมพัฒนา ร่วมดูแลรักษาองค์อนุสาวรีย์ฯ สิ่งปลูกสร้าง สวนหย่อม และบริเวณอนุสาวรีย์ฯ อย่างสม่ำเสมอ นับเป็นเวลารวม 40 ปี ล่วงมาโดยมิได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน เป็นการกระทำ ควรแก่การสรรเสริญ จากประชาชนชาวไทย และชาวต่างประเทศ เป็นอย่างยิ่ง

          นายภาคภูมิ ภูมี นายอำเภอหล่มสัก กล่าวว่า งานเทศกาลเส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมืองครั้งที่ 40 ประจำปีพุทธศักราช 2568 ในครั้งนี้ เป็นงานเทศกาลของอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยถือกำเนิดมาจาก งานสมโภชอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2528 มีวัตถุประสงค์การจัดงาน เพื่อเป็นการอนุรักษ์ และสืบสานงานประเพณีของชาวอำเภอหล่มสัก เผยแพร่ประวัติ และเกียรติคุณพ่อขุนผาเมืองผู้สร้างประวัติศาสตร์ไทยให้เป็นอิสระจากขอม ให้เป็นที่รู้จัก แก่เยาวชนและประชาชน ได้ทราบทั่วกัน ให้ราษฎรได้ดำรงประเพณี การสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบูรณ์ตามวิสัยทัศน์จังหวัด "ดินแดนแห่งความสุข ของคนอยู่และผู้มาเรือน"และคำขวัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ " เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาห้ออนุสรณ์ นครพ่อทุนมาเมือง" หารายได้ไว้บูรณะ ทำนุบำรุง สถานที่ และอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ให้มีความสมบูรณ์ สง่างาม สมเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์

          นายภาคภูม ภูมี กล่าวอีกว่า กิจกรรมในงานประกอบด้วย พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพ่อขุนผาเมือง ซึ่งเป็นประเพณีและวัฒนธรรมของชาวอำเภอหล่มสัก การรำยอหัตถาบูชาพ่อขุนผาเมือง การแสดงละครประกอบแสง สี เสียง อิงประวัติศาสตร์เรื่องพ่อขุนผาเมือง การประกวด TO BE NUMBER ONE การประกวดการแข่งขันเส็งกลอง การล่องโคมไฟ การประกวดสรภัญญะ การประกวดบายศรี การประกวดโต๊ะหมู่บูชา การแสดงนิทรรศการประวัติและเกียรติคุณของพ่อขุนผาเมือง การออกร้านของหน่วยงานราชการ ร้านผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งเป็นทุนการศึกษา แก่นักเรียนที่ตั้งใจเรียนแต่มีฐานะยากจน เป็นต้น 

          กิจกรรมประจำวันและเวทีกลาง 26 ธันวาคม 2567 พิธีสรงน้ำขอขมาบูชา องค์พ่อขุนผาเมือง 28 ธันวาคม 2567 พิธีเจริญพระพุทธมนต์ เย็นและอธิษฐานจิต 29 ธันวาคม 2567 พิธีบวงสรวง วางพวงมาลา รำบวงสรวง พิธีเปิดงาน มัจฉาพาโชค 30 ธันวาคม 2567 กิจกรรม TO BE NUMBER ONE มัจฉาพาโชค 31 ธันวาคม 2567 การประกวดแข่งขัน การร้องร้องสรภัญญะ การทำบายศรีสามชั้น และการทำโต๊ะหมู่บูชา ประกวดธิดาพ่อขุนผาเมือง มัจฉาพาโชค 1 มกราคม 2568 การประกวดเส็งกลอง มัจฉาพาโชค 2 มกราคม 2668 ชมมหรสพฟรี วงเจริญบันเทิงศิลป์ มัจฉาพาโชค “นายภาคภูมิ กล่าว..”

               ขอบคุณ สื่อมวลชน บุคคล คณะบุคคล หน่วยงาน ที่ร่วมให้ข้อมูล ภาพ/เนื้อหาข่าว ทุกท่าน

               ติดตามบรรยากาศการแถลงข่าวส่วนหนึ่งได้ที่เว็บลิงก์

https://www.facebook.com/share/v/15ozHoz2ea/?mibextid=oFDknk

              ติดตามประมวลภาพส่วนหนึ่งได้ที่เว็บลิงก์ https://www.facebook.com/share/p/19UDDYCvHV/?mibextid=oFDknk

                

จังหวัดเพชรบูรณ์ประชุมพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา 19 กรณี ยอดเงินเกือบ 1 ล้านบาท

 จังหวัดเพชรบูรณ์ประชุมพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา 19 กรณี ยอดเงินเกือบ 1 ล้านบาท

             

           เมื่อวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 14.30 ณ ห้องประชุมสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ อาคารที่ 2 คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ครั้งที่ 11/2567 โดยมีนายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ นางสาวภาวนา ธนคุณารักษ์ ยุติธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ เเละคณะอนุกรรมการฯมี การพิจารณาจำนวน 19 เรื่อง กรณีผู้เสียหายจำนวน 19 ราย 

               การพิจารณาช่วยเหลือดังกล่าว เห็นควรจ่าย 17 ราย เห็นควรงวดจ่าย 1 ราย และเห็นควรยกคำขอ 1 ราย รวมเป็นเงินทั้งหมดจำนวน 955,088 บาท (เก้าแสนห้าหมื่นห้าพันแปดสิบแปดบาทถ้วน)

                สำหรับคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานกรรมการ และมีอนุกรรมการ อีก 8 ท่าน ได้แก่ 1) อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี 2) ปลัดจังหวัด 3) ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด 4) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด 5) ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัด 6) ประธานสภาทนายความจังหวัด 7) พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และ 8) ยุติธรรมจังหวัดเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ โดยให้ยุติธรรมจังหวัดแต่งตั้งข้าราชการ พนักงานราชการหรือเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเป็นผู้ช่วยเลขานุการ จำนวนไม่เกินสองคน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา

สสส.และมูลนิธิคนเห็นคน เดินหน้า สร้างเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นเพชรบูรณ์ปลอดบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่ อบต.สะเดียง

 สสส.และมูลนิธิคนเห็นคน เดินหน้า สร้างเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นเพชรบูรณ์ปลอดบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่ อบต.สะเดียง

    เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ดร.ประทิน นาคสำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดียง เป็นประธานเปิดโครงการ“การขับเคลื่อนพลังเครือข่ายอาชีวะลดปัจจัยเสี่ยงในสถาบันการศึกษาและพัฒนาสุขภาวะชุมชนภาคเหนือตอนล่าง มี ร.ต.ต.สุขสัณห์ ภิชัย คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เครือข่ายสื่อมวลชนจังหวัดเพชรบูรณ์และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)  ของตำบลสะเดียง จำนวน 150 คน เข้าร่วม

        นางสาววรรณิกา หาญกลิ้ง นายกสมาคมองค์กรสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคมไทยเข้มแข็งจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ประสานงานโครงการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ว่าเนื่องด้วย มูลนิธิคนเห็นคน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการที่จะร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังระบาดในกลุ่มของ นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนที่อยู่ในชุมชนทั้งในเมืองและชนบท ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างทั้ง 6 จังหวัด คือ พิษณุโลก ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร และจังหวัดเพชรบูรณ์ 

       ทั้งนี้ ปัญหาบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญในท้องถิ่น สอดคล้องกับข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ได้ดำเนินการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร ปี 2564 จะพบว่า คนสูบบุหรี่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบทมากกว่าในเมือง โดยคนสูบบุหรี่ในชนบทคิดเป็นตัวเลข 19.0% และในเขตเมืองคิดเป็น 15.6% นิโคตินพบได้ทั้งในบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งนิโคตินจะออกฤทธิ์กระตุ้นสมองส่วนหน้า หากมีการเสพติดไปแล้วอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายทางสมอง ในส่วนที่มีหน้าที่ควบคุมการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การตัดสินใจ บุคคลิกและควบคุมพฤติกรรมทางสังคม โดยเฉพาะการเสพติดสารนิโคตินในเด็กและเยาวชน ยิ่งในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาสมอง การได้รับสารนิโคตินอาจส่งผลกระทบที่มีความรุนแรงต่อการพัฒนาสมอง ต่างจากช่วงอายุ 20-25 ปีขึ้นไป แม้จะไม่มีผลทำลายสมองเช่นเดียวกับในวัยเด็กเพราะสมองมีการพัฒนาเต็มที่แล้ว แต่สารนิโคตินยังมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทั้งโรคหัวใจ โรคซึมเศร้า ปอดอักเสบ มะเร็งปอด และโรคใหม่อย่างโรคปอดอักเสบรุนแรงจากบุหรี่ไฟฟ้า 

          ดังนั้น การจะแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว จึงจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือ โดยเฉพาะ “ชุมชน” ในฐานะคนที่ใกล้ชิดของเด็กและเยาวชนโดยต้องเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า  เรียกร้องให้โรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า เรียกร้องให้ไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในทุกที่ที่กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ รวมพลังผู้นําทางความคิดในท้องถิ่น สื่อ ร่วมรณรงค์ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า สนับสนุนค่านิยมให้ชุมชนไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า องค์กรต้องเป็นต้นแบบปลอดบุหรี่ไฟฟ้า ชี้เบาะแสถึงแหล่งที่มีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า และสุดท้ายเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า 

           ในการจัดอบรมในวันนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในสถานศึกษา และชุมชนที่เข้าร่วมโครงการและเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสุขภาวะในสถานศึกษาและชุมชน มีผู้เข้ารับการอบรมเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)  ของตำบลสะเดียง จำนวน 150 คน และได้เรียนเชิญวิทยากรจาก สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ มาถ่ายทอดให้ความรู้

         ด้าน ดร.ประทิน นาคสำราญ นายก อบต.สะเดียง กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทางโครงการที่ได้เลือกให้พื้นที่ของ อบต.สะเดียง เป็นพื้นที่ในการจัดอบรม อันจะเป็นประโยชน์กับคนในชุมชนของตำบลเราในการสร้างค่านิยมให้ชุมชนไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมกันชี้เบาะแสถึงแหล่งที่มีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้ชุมชนของเราปลอดจากสารเสพติดที่มีพิษภัยอันตรายต่อบุตรหลานของเรา และหวังว่าพลังของเครือข่ายที่เข้ารับการอบรม คือ อสม.ของตำบลสะเดียง จะได้ช่วยกันร่วมกันปกป้องให้สังคม ชุมชนของเราปลอดภัยจากสารเสพติดทุกชนิดต่อไป

           ติดตามบรรยากาศส่วนหนึ่งของพิธีเปิดได้ที่เว็บลิงค์

https://shorturl.asia/JizvU

สนั่นเขาค้อเพชรบูรณ์ 23-24 พ.ย.67 งานHighland festival พบกับดีเจระดับโลกยกพลบุกเขาค้อ

 สนั่นเขาค้อเพชรบูรณ์  23-24 พ.ย.67 งานHighland festival พบกับดีเจระดับโลกยกพลบุกเขาค้อ

เพชรบูรณ์-วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ร้าน Rewind 90’s Music Bar อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ นายเกียรติ ตยาคีกุล Organizer คอนเสริต์ ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวงานดนตรี สไตล์ ไนต์คลับ หรือ EDM ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2567 ณ Forest Hill 1 เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 

            โดยทางนายเกียรติได้กล่าวว่าเทศกาลดนตรีในครั้งนี้ นับเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดนตรีในแนว EDM ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่จังหวัดเพชรบูรณ์จะได้มีพื้นที่ให้กับแนวดนตรีแบบนี้ EDM หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Electronic Dance Music เป็นแนวของดนตรีที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศเป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่ากลายเป็นดนตรีกระแสหลักไปแล้ว ซึ่งแนวดนตรีแบบ EDM ก็จะใช้เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีเป็นหลัก เล่นซาวด์แบบที่ให้ความรู้สึกสนุก ครื้นเครง อยากจะลุกขึ้นมาเต้น โดยจะอยู่ในรูปแบบของ Digital ซึ่งทางฝั่งยุโรปฮิตกันมาก 

             นายเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในเมืองไทยก็จะเป็นแนวดนตรีที่วัยรุ่นเรียกกันติดปากว่า “เพลงตื๊ด” นั่นเอง ที่พิเศษคือการจัดคอนเสริต์แนวเพลง EDM โดยส่วนใหญ่จะจัดชายทะเลหรือชายหาด นับเป็นครั้งแรกที่เราได้นำคอนเสริต์ EDM มาเล่นบนภูเขาที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศหนาวเย็นบนเขาค้อ เป็นการจัดงาน EDM Festival กลางธรรมชาติในสภาพอากาศเย็นสบาย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยโดยภายในงานพบกับ DJ ระดับโลก ค่าตัวเฉียดล้าน กว่า 20 คนมาโชว์ความมันส์ ความสนุกสนานพร้อมบีทที่เร้าใจ และพลังงานที่ไม่รู้จบ ในวันที่ 23 และ24 พฤศจิกายน 2567 สองวันสองคืน ที่ลานคอนเสิร์ต Foresthill 1  อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น.-03.00 น.โดยศิลปินแนวหน้าทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึง International DJ ระดับโลก และ ระดับภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น DubVision คู่ดีเจชาวดัตช์  Dimatik /Bonka /Uberjakd Lockdown รวมทั้งศิลปินดีเจชื่อดังชาวไทยร่วมให้ความบันเทิง.

              นายเกียรติ กล่าวว่า คอนเสิร์ตนี้จะจัด 2 วัน จำนวนผู้ชมวางเป้าไว้ 3,000 คน ซึ่งประตูจะเริ่มเปิด 16.00 น. ส่วนเวลาออนโชว์หรือแสดงจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไปจนถึง 03.00 น. ส่วนบัตรเข้าชมจะมีทั้งแบบเข้าชม 2 วัน ราคา 1,790 บาท และแบบวันเดียว (23 พ.ย.) ราคา 990 บาท 23-24 พย. นี้เตรียมพบกับ Highland festival เขาค้อ งาน EDM รูปแบบใหม่ ยกเวทีไปจัดเต็มบนยอดเขา เปิดประสบการณ์ความหนาวเย็นพร้อมชมวิวภูเขา ให้เหล่า Raver ซื้อบัตรมาตื๊ดกันได้ที่นี่!

              อนึ่ง มีตัวอย่าง งาน EDM ระดับโลก ที่เป็นอันดับ 1 ของโลก มีคนหลายแสนเข้าร่วมงานในทุก ๆ ปี เว็บลิงก์ 

https://shorturl.asia/6mAbh

จังหวัดเพชรบูรณ์ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จ.เพชรบูรณ์ร่วมขับเคลื่อน

 จังหวัดเพชรบูรณ์ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จ.เพชรบูรณ์ร่วมขับเคลื่อน

              เมื่อวันศุกร์ ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. ห้องมหาธาตุ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ อาคาร 1 นายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดเพชรบูรณ์ (กรอ.จังหวัดเพชรบูรณ์) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีการพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหลายด้าน เช่น การแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ แนวทางการขับเคลื่อน กรอ. การจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้นวัตกรรมการใช้แมลง BFS เพื่อจัดการขยะอินทรีย์ของชุมชนบนเขาค้อ แนวทางและวิธีการป้องกันเพจปลอมหลอกโอนเงินจองที่พัก สถานการด้านแรงงาน สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว สถานการณ์ด้านการค้าการลงทุน ข้อมูลด้านเศรษฐกิจการคลัง ปัญหาการลักลอบซื้อใบยาสูบและยาเส้น โดยมอบให้ผู้รับผิดชอบแต่ละด้านวางแนวทางการแก้ไขและนำเข้าพิจารณาเพื่อรับเป็นหลักการเสนอในระดับนโยบาย

             

            นอกจากนี้ยังได้พิจารณาเรื่องของปัญหาข้าวโพดราคาตกต่ำ จากสภาเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งพบปัญหามีการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศที่มีความชื้นสูง เข้ามาในช่วงที่ผลผลิตข้าวโพดเพชรบูรณ์ออกพอดี ทำให้ข้าวโพดเพชรบูรณ์ไม่มีแหล่งอบความชื้น จึงมีความชื้นสูงขายได้ในราคาถูก โดยเรื่องนี้ได้มอบให้สภาเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดวางกรอบแนวทางการแก้ไข นำเข้าประชุมครั้งต่อไปเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอในระดับผู้บริหารนโยบาย ดำเนินการแก้ไข ต่อไป

                  

               สำหรับในการประชุมครั้งนี้ นายชัยยันต์ ยอดคำ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดเพชรบูรณ์ และนายวันชัย ศรีเหนี่ยง กรรมการฯ ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยได้นำเสนอที่ประชุม เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสู่ชุมชน พร้อมกับการผลิตข้าวคุณภาพอย่างเป็นระบบมีตลาดรองรับ (ทำcontract farming ข้าวไรซ์เบอรี่) และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการสร้างมูลค่าการท่องเที่ยวสู่ชุมชน/และการทำ contract farming  การผลิตข้าวสี (ไรซ์เบอร์รี่) สู่ตลาดอย่างเป็นระบบ 

               ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สมาพันธ์ฯ ไปประสานการขับเคลื่อนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอโครงการดำเนินการ ต่อจังหวัดต่อไป

             "นับเป็นโอกาสอันดีของชุมชนที่จะได้มีการเชื่อมโยงทั้งนักท่องเที่ยวรวมทั้งการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็น hiden gems ของชุมชน และเป็นการผลิตข้าวคุณภาพสู่ตลาดอย่างเป็นรูปธรรม มีตลาดรองรับ (ตลาดนำการผลิต) โดยเฉพาะการทำนาข้าวที่จะมีการทำงานอย่างเป็นระบบ มีต้นแบบ (pilot project ) ต่อไป"  ประธานสมาพันธ์ฯ กล่าวในที่สุด

               ติดตามประมวลภาพส่วนหนึ่งได้ที่เว็บลิงก์  https://www.facebook.com/share/eCzAdzKiYTPVzwVK/?mibextid=oFDknk